เครื่องเทศในส่วนประกอบของอาหารเหนือมีหลากหลายชนิด ที่มีกลิ่นและรสชาติที่เป็นอัตลักษณ์ ช่วยให้อาหารเหนือมีรสชาติอร่อย เครื่องเทศบางชนิดมีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพ โดยพืชสวนครัวและสมุนไพรที่นำมาเป็นส่วนผสมในน้ำพริกลาบเหนือ ประกอบด้วย พริก กระเทียม กะปิ เกลือ เมล็ดผักชี มะแหลบ มะแขว่น ตะไคร้ ข่า ดีปลี ซึ่งแต่ละชนิดจะมีคุณประโยชน์ที่หลากหลาย ดังนี้
1. พริก พริกอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ อย่าง วิตามินเอ วิตามินบี 6 วิตามินซี ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุเหล็ก ใยอาหาร เป็นต้น โดยในพริก 100 กรัม จะมีวิตามินซีสูงถึง 144 มิลลิกรัม โดยคุณประโยชน์ของพริก อาทิเช่น ช่วยลดปริมาณสารคอเลสเตอรอลในร่างกาย มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย ช่วยในการสลายลิ่มเลือด ช่วยเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรง ช่วยเพิ่มการยึดตัวของผนังหลอดเลือด เป็นต้น (ที่มา : https://medthai.com/พริก)

5. มะแหลบ เป็นเครื่องเทศแต่งกลิ่นอาหารของคนล้านนา นำมาเป็นส่วนผสมของน้ำพริกลาบหรือเครื่องแกง เป็นพืชล้มลุกมีอายุหลายปี ลักษณะที่โดดเด่นของพืชอยู่ที่รากนั้นเป็นหัวยาวใต้ดินขนานกับพื้นผิว ลำต้นเป็นสันเหลี่ยม ตั้งตรงสูง 40-100 เซนติเมตร ใบประกอบมี 3 ใบย่อยหรือแยกเป็น 3 แฉก รูปรี ยาว 3-7 เซนติเมตร ปลายแหลมก้านใบยาว ดอกเป็นช่อแบบซี่ร่ม แตกแขนงเป็นช่อย่อยหลายช่อมีดอกย่อยจำนวนมาก โดยคนเหนือจะนิยมนำเมล็ดมะแหลบมาเป็นเครื่องเทศในส่วนประกอบของอาหารเหนือ ทานได้ทั้งแบบสดและแบบแห้ง (ที่มา https://lannainfo.library.cmu.ac.th/lannafood/detail_ingredient.php?id_ingredient=245)
6. มะแขว่น เป็นเครื่องเทศที่คนล้านนานิยมนำผล และเมล็ดแห้งมาประกอบอาหาร เนื่องจากผลแห้งมีกลิ่นหอมแรง มีรสเผ็ดร้อนช่วยดับกลิ่นคาว ช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารให้อร่อย จึงมักนิยมนำมาใส่ส่วนผสมในพริกแกงหรือ พริกลาบ มีสรรพคุณช่วยขับลมในลำไส้ลม ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยบำรุงโลหิต หัวใจ บำรุงกำลัง ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร เป็นต้น (ที่มา https://www.disthai.com/มะแขว่น)
7. ข่า เป็นพืชที่มีลำต้นอยู่ใต้ดิน (เหง้า) และยังประกอบไปด้วย ใบ ดอก ผล และเมล็ด โดยจัดอยู่ในตระกูลขิงเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องแกงหรือน้ำพริกต่างๆ ช่วยแต่งกลิ่นอาหาร ดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ ใช้ปรุงรสในอาหาร เช่น ต้มข่า ต้มยำ ผัดเผ็ด เป็นต้น มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยยับยั้งแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร เป็นต้น (ที่มา : https://medthai.com/ข่า)
8. ตะไคร้ ป็นสมุนไพรไทยชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาประกอบอาหาร มีวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย เช่น วิตามินเอ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยในการเจริญอาหาร ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ มีฤทธิ์ช่วยในการขับปัสสาวะ เป็นต้น (ที่มา : https://medthai.com/ตะไคร้)
2. กระเทียม เป็นของคู่ครัวไทยในการประกอบอาหารทุกจานจะมีส่วนประกอบของกระเทียมช่วยชูรสชาติ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด และยังเป็นพืชที่ธาตุซีลีเนียมสูงกว่าพืชชนิดอื่นๆ มีสรรพคุณช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ช่วยในการขับพิษและสารพิษอันตรายที่ปนเปื้อนในเม็ดเลือด เป็นต้น (ที่มา : https://medthai.com/กระเทียม)
3. เมล็ดผักชี เป็นส่วนผสมในอาหารที่ช่วยชูรสชาติ มีกลิ่นหอมสมุนไพรอ่อนๆ นิยมนำไป ประกอบอาหารหลากหลาย เช่น การหมักหมู เนื้อ ไก่ นำไปย่างหรือทอด การโขลกในเครื่องแกงต่างๆ มีสรรพคุณช่วยแก้กระหายน้ำ แก้ลมวิเวียน แก้บิดถ่ายเป็นเลือด ช่วยย่อยอาหาร ขับลม บำรุงธาตุ เป็นต้น (ที่มา https://www.moodaddeaw.com/article/ลูกผักชี-ลูกเล็กๆประโยชน์เยอะ)
4. ดีปลี นิยมใช้ผลดีปลีมาเป็นเครื่องเทศแทนพริกและพริกไทย โดยทั้งดีปลีและพริกไทยต่างก็มีสรรพคุณช่วยบำรุงธาตุไฟในการย่อยอาหารเหมือนๆ กัน แต่ดีปลีจะดีกว่าในเรื่องของลมเบ่งของมดลูก หรือลมที่ค้างในลำไส้ รวมไปถึงอาการกำเริบของเสมหะและลมปอด มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลังและช่วยบำรุงกำหนัด ช่วยแก้ลมวิงเวียน ด้วยการใช้ดอกแก่นำมาต้มน้ำดื่ม ช่วยแก้ธาตุพิการ แก้ธาตุไม่ปกติ แก้ปฐวีธาตุพิการ แก้วิสติปัฏฐี แก้ปัถวีธาตุ 20 ประการ เป็นต้น (ที่มา : https://medthai.com/ดีปลี)

“น้ำพริกลาบปงหลวง สูตรลับสมุนไพรของคนลำปาง
มีรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัว คู่ครัวคนล้านนา”